คิ้วกระเบื้อง ใช้อย่างไร การติดตั้งและวิธีดูแลรักษา

คิ้วกระเบื้อง เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานปูกระเบื้องมีความสวยงามและมีคุณภาพต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงานปูกระเบื้อง ปูผนัง หรือทำเคาน์เตอร์ในครัวและห้องน้ำก็จำเป็นที่จะต้องมีคิวเป็นสิ่งสำคัญ โดยตัวคิ้วจะมีให้เลือกอยู่มากมายตามแบบการใช้งาน แต่จะมีอะไรบ้างที่คุณควรรู้เกี่ยวกับงานคิ้วมาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้กันได้เลย แต่ถ้าคุณกำลังมองหาคิ้วตกแต่งบ้านของคุณก็ลองอ่านและทำความเข้าใจรวมไปจนถึงวิธีการติดตั้ง และการดูแลรักษาเพื่อทำให้คิ้วที่คุณนำมาตกแต่งบ้านนั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น และยังสามารถที่จะเลือกให้เหมาะสมกับการตกแต่งตามความต้องการของคุณ ไปจนถึงราคาที่คุณมีงบในการตกแต่งบ้านของคุณให้ดูดีมีสไตล์มากยิ่งขึ้น

คิ้วกระเบื้อง คืออะไร

หลายคนคงมีความสงสัยว่าจริงๆ แล้วคิ้วกระเบื้องคืออะไรกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบให้กับคุณคิ้วกระเบื้อง เป็นวัสดุอย่างหนึ่งที่ทำจากพลาสติกเป็นวัสดุที่ใช้ในการปิดขอบมุมกระเบื้องเพื่อช่วยเก็บรายละเอียดในงานปูกระเบื้องให้มีความสวยงาม โดยเราจะใช้คิ้วกระเบื้องปิดมุมที่เป็นขอบมุมกระเบื้องมาบรรจบกัน เนื่องจากบริเวณนั้นจะเป็นตำแหน่งที่จะทำให้กระเบื้องแตกหักหรือบิ่นได้ง่ายมากเลย โดยคิ้วกระเบื้องเป็นสิ่งที่เราใช้งานได้อย่างหลากหลายได้ทั้งขอบพื้น และผนังกระเบื้อง อีกทั้งยังนำมาประกอบกับขอบกระเบื้องบริเวณเคาน์เตอร์ในครัว และห้องน้ำอีกด้วย หรือเราจะใช้คิวเป็นสิ่งตกแต่งให้เฟอร์นิเจอร์มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นก็ทำได้เหมือนกัน สิ่งสำคัญในการเลือกใช้งานคิ้วกระเบื้องนี้ควรเลือกกระเบื้องที่มีความหนาน้อยกว่าคิวประมาณ 22 มิลิเมตรจึงจะทำให้การบรรจบกันอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม

นิยมนำมาใช้งานแบบไหน

เรานิยมนำคิ้วกระเบื้อง มาปิดมุมกระเบื้องเพื่อตกแต่งงานปูกระเบื้องในบ้านหรืออาคารให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้นและในปัจจุบันนี้ก็ได้นิยมนำมาใช้ในงานต่างๆ ที่ทำมาจากพลาสติก และอลูมิเนียมที่เราได้เจออยู่บ่อยๆ การเลือกใช้คิ้วแบบไหน ตกแต่งกระเบื้องก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน และราคาก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจที่คุณจะเลือกใช้งานในแต่ละแบบ เพราะคิ้วกระเบื้องทำมาจากวัสดุต่างชนิดกัน ราคาก็แตกต่างกัน อย่างคิ้วกระเบื้องที่ทำจากอลูมิเนียมก็จะมีราคาแพงกว่าคิวที่ทำจากพลาสติก

การติดตั้ง คิ้วกระเบื้อง

สำหรับการติดตั้งคิ้วกระเบื้อง จะต้องคำนึงถึงขนาด และความหนาของกระเบื้องด้วย เพราะถ้าหากความหนาคิ้วน้อยกว่าความหนากระเบื้องทำให้เมื่อปูกระเบื้องไปแล้ว ขอบกระเบื้องจะโพล่พ้นขอบคิ้วออกมา และไม่เสมอกันไปกับกระเบื้อง และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่สามารถช่วยป้องกันการกระแทก หรือการชนที่ทำให้บิ่น แตก ร้าวได้ หรือถ้าหากเลือกคิ้วกระเบื้องที่หนากว่ากระเบื้องเวลาปูกระเบื้องไปชนขอบคิ้ว คิ้วก็จะโผล่ขึ้นมาทำให้เกิดการสะดุด และไม่มีความสวยงาม และการติดตั้งคิ้วกระเบื้อง จะต้องทำการผสมกาวซีเมนต์ที่ใช้สำหรับปูกระเบื้อง จากนั้นใช้เกรียงหวีปาดกาวซีเมนต์ลงบนพื้นที่ต้องการ แล้วใช้ด้านหวีปาดให้เป็นร่อง เมื่อเสร็จแล้วให้วางคิ้วกระเบื้องบนตำแหน่งที่ต้องการ เช่น ขอบกระเบื้อง หรือจุดที่ต้องการจบมุมของกระเบื้องแล้วกดให้เนื้อกาวซิเมนต์ขึ้นมาตามรูปคิ้วที่เจาะไว้ จากนั้นให้ปูกระเบื้องให้ชิดขอบคิ้วแล้วใช้ค้อนยางเคาะให้อยู่ในระดับเดียวกันกับขอบคิ้ว จากนั้นปูกระเบื้องแผ่นต่อไปจนเต็มคิ้วทั้งสิ้นก็เสร็จสิ้นแล้ว

ดูแลรักษายังไงให้ใช้ได้ยาวนาน

เราจะแยกวิธีการดูแลรักษาคิ้วกระเบื้องสำหรับอลูมิเนียมและแสตนเลส เพราะดูแลยากกว่าพลาสติก เนื่องจากจะมีการเกิดคราบหินปูนขึ้นมาได้ สำหรับคิ้วอลูมิเนียมให้เตรียมน้ำผสมน้ำยาล้างจานแบบเจือจาง แล้วใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำบิดหมาด ๆ นำผ้าที่ชุบไปเช็ดตามรอยที่เกิดคราบขาวหินปูนด้วยถูกไปมาจนรอยค่อยๆ จางลงจากนั้นเช็ดด้วยผ้าสะอาดที่ชุบด้วยน้ำ แล้วบิดให้มา เสร็จแก็ตามด้วยผ้าแห้ง เมื่อทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ก็หยดน้ำยาเคลือบสีลงบนผ้า แล้วนำไปเช็ดถูอลูมิเนียมอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเงางาม แต่การดูแลรักษาสำหรับคิ้วกระเบื้อง แสตนเลส ในกรณีที่เป็นแสตนเลสผิวปิดหรือผิวด้านให้ใช้กระดาษทรายยูริเทนเบอร์ 1000 ชุบน้ำแล้วขัดเบาๆ บนรอยเปื้อนในทางเดียวกันตามแนวเส้นปิด จากนั้นเช็ดด้วยผ้าแห้งให้สะอาด แต่กรณีที่เป็นสแตนเลสผิวมันเงาให้ใช้ลูกหมูขัด โดยเปลี่ยนใบขัดเป็นลูกผ้ายีนส์ขนาด 4 นิ้วแล้วค่อยๆ ขัดบริเวณที่เป็นคราบจนรอยจางลง จากนั้นก็หยดน้ำยาเคลือบสีลงบนผ้า แล้วเช็ดบนแสตนเลสอีกครั้งเพื่อความเงางาม

อย่างไรก็ตามการเลือกคิ้วกระเบื้อง เพื่อนำมาใช้ตกแต่งในงานสร้างบ้านหรืออาคาร คุณต้องเลือกที่เหมาะสมกับรูปแบบตามสภาพแวดล้อมในห้องที่จะติดตั้งด้วย และจำเป็นจะต้องใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เนื่องจากเราต้องใช้ในระยะยาว หากนำวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมนั้นก็จะลดระยะเวลาในการใช้งานลง และการซ่อมแซมก็จะทำให้เสียเวลาเสียเงินมากกว่าการซื้อวัสดุที่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพมาตั้งแต่แรก